Tuesday, March 15, 2011

การผลิตเกลือสมุนไพร ขัดผิว

เกลือสมุนไพร ขัดผิว
1. เกลือ
2. ขมิ้นชัน
3. ไพล
4. ถั่วเขียว
5. น้ำมันมะพร้าว
6. พิมเสน
7. การบูร
8. น้ำกลั่นตะไคร้

:: วิธีใช้ ::
คนเกลือขัดผิวให้เข้ากัน ชโลมเกลือขัดผิวให้ทั่ว ใช้กับใบหน้าได้ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีหรือจนแห้ง ปัดเกลือและสมุนไพร ล้างตัวและใบหน้าด้วยน้ำสะอาด ใช้ผ้าแห้งเช็ดให้สะอาด ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

:: สรรพคุณ ::
ช่วยบำรุงผิวและทำความสะอาดผิว เพิ่มความสดชื่น

สมุนไพรขัดผิว ทำเองได้ไม่ยาก

ยาปลูกผม ที่ควรรู้

ผมร่วง อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของ Hormones, อายุมากขึ้น, ประวัติทางกรรมพันธุ์ ท่านที่มีผมร่วงเกิดขึ้นอายุยังน้อยเพียงใด โอกาสที่ความรุนแรงของภาวะศีรษะล้านจะมากขึ้นเท่านั้น

หากคุณสังเกตให้ดีจะพบว่า ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ มีหลายแบบบางคนเป็นมาก บางคนเป็นน้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม ผมตรงบริเวณเหนือกกหูทั้ง 2 ข้างและด้านหลังตรงบริเวณท้ายทอยจะไม่ร่วงไปเหมือนเช่นผมบริเวณอื่น เนื่องจากกรรมพันธุ์กำหนดให้ผมตรงบริเวณนี้อยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต

ในปี ค.ศ. 1959 นายแพทย์นอร์แมน โอเรนไทร์ ( Dr. Norman Orentreich) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังชาวอเมริกันได้ทดลองย้ายเซลล์สร้างเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยไปปลูกยังบริเวณ ศีรษะล้าน ก็พบว่าเซลล์ที่ย้ายไป ยังคงสามารถสร้างเส้นผมได้เป็นปกติไม่เสื่อมหรือตายไปเช่นผมที่เคยมีอยู่ และยังคงลักษณะของเส้นผมเดิมไว้ทุกประการ ตราบใดที่ผมตรงบริเวณท้ายทอยที่เราย้ายมายังคงอยู่ ผมที่ปลูกก็จะอยู่เช่นเดียวกัน เพราะมาจากที่เดียวกัน นี่คือการค้นพบที่สำคัญ และนับเป็นก้าวแรกของการ ปลูกผม

ท่านที่ประสบปัญหา ผมบางจนเหลือเส้นผมบนศีรษะน้อย ไม่ต้องกังวลใจอีกแล้ว ท่านสามารถกลับมามีผมได้เช่นเดิม เรียกความมั่นใจกลับคืนมา เพราะท่านยังต้องใช้ชีวิตในสังคม พบปะสังสรรค์ผู้คนมากมาย ปลูกผม ซึ่งเป็นหนึ่งในการบริการของศูนย์ศัลยกรรมความงามที่มีอยู่อย่างมากมายในขณะนี้ เพื่อความเข้าใจก่อนรับบริการ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีปัญหานี้ และสนใจเรื่องการปลูกผม ความรู้เหล่านี้จะช่วยท่านในการพิจารณา

1.การปลูกผม จะช่วยให้ท่านมีบุคลิกที่ดีขึ้นทดแทน เส้นผมส่วนที่ขาดหายไปบางส่วนไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด ผลที่ตามมา อาจไม่เป็นดังที่ท่านหวังไว้เสมอไป
2.การปลูกผมจะได้ผลดี ถ้าท่านยังมีผลที่สมบูรณ์บริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศรีษะเพราะผมจากบริเวณนี้จะเป็นส่วนที่ถูกแบ่งไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ผู้ป่วยที่มีศีรษะล้าน ส่วนใหญ่ที่เป็นชายมักจะมีเส้นผมส่วนนี้เหลืออยู่
3.วิธีการผ่าตัดปลูกผม ทำได้หลายวิธี เริ่มตั้งแต่การนำเส้นผมมาปลูกครั้งละ 2-3 เส้น หรือเป็นกอคล้ายการปลูกหญ้า (Hair grafts) ซึ่งจะได้ผมที่ไม่หนาแน่นมากนัก แต่ช่วยทำให้ดูดีขึ้น อาจต้องทำหลายครั้ง หรือวิธีการย้ายเส้นผมและหนังศีรษะจากด้านข้างและหลังมาปิดบริเวณด้านหน้าในคราวเดียวกัน (Hair flaps) จนกระทั่งการใช้ถุงขยายหนัง (Tissue expander) ขยายผิวหนังส่วนที่มีเส้นผม ซึ่งอยู่ด้านข้างบริเวณที่ศีรษะล้าน จากนี้จึงเย็บเข้ามาหากัน ทั้ง 2 วิธีได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่วิธีการผ่าตัดอาจยุ่งยากกว่า
4.วิธีการผ่าตัดแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไป ไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ในผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะเป็นผู้เลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสม บางรายอาจต้องใช้ 1-2 วิธีรวมกัน เพื่อให้ได้ผลที่ดีสุดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
5.การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ท่านที่สูบบุหรี่ควรงดสูบบุหรี่ ~ 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด ควรงดยาบางประเภท เช่น aspirin หรือยาพวก minoxidil ซึ่งมักรับประทานเพื่อกระตุ้นรากผม เนื่องจาก อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกมากผิดปกติระหว่างผ่าตัด
6.การผ่าตัดปลูกผม สามารถทำได้ โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องใช้ยาสลบ ท่านจึงไม่จำเป็นต้องงดอาหาร สามารถทำเสร็จแล้วกลับได้เลย แต่การผ่าตัดใช้เวลานาน 3-6 ชม.ขั้นตอนการผ่าตัดประกอบด้วย แพทย์จะเริ่มต้นฉีดยาบริเวณท้ายทอย เพื่อนำมาเอาผมจากบริเวณนี้มาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่มักเน้นด้านหน้า จากนั้นแพทย์จะทำการแบ่งเส้นผมและรากผมออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ตั้งแต่ 3-5 ราก หรือ 1-2 ราก หลังจากนั้นจึงนำรากผมที่แบ่งเรียบร้อยมาปลูกบริเวณที่ต้องการ
7.การดูแลหลังผ่าตัด ส่วนใหญ่แพทย์จะพันศีรษะบริเวณที่ทำผ่าตัดไว้ 1-4 วัน แล้วแต่กรณี จากนั้น จึงเปิดแผลออกทำความสะอาด ไม่ต้องปิดแผล และท่านสามารถสระผมหรือทำความสะอาดศีรษะได้ ท่านจะไปทำงานในวันรุ่งขึ้นหรือรอหลังจากตัดไหมบริเวณท้ายทอยเรียบร้อยแล้วก็ได้ (7-10 วัน)
8.หลังผ่าตัดผมที่ปลูกแล้วอาจเติบโตยาวต่อไป หรือบางครั้งผมที่ปลูกไว้อาจร่วงหลุดไปได้ภายใน 6 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ หลังจากนั้น 6-8 สัปดาห์ ผมจึงจะงอกขึ้นมาแทนที่ ในตำแหน่งเดิม (ในภาวะปกติแล้ว เส้นผมจะงอกในอัตราประมาณ 1/2 นิ้ว ต่อเดือน)
9.หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ท่านจะเริ่มเห็นผมที่ปลูกไว้งอกขึ้นมา ซึ่งจะไม่หนาแน่นเท่าเส้นผมปกติ แต่ก็จะช่วยเสริมบุคลิกของท่านให้ดีขึ้นได้ ถ้าต้องการให้ผมดูหนาขึ้นก็สามารถทำการผ่าตัดเพื่อเพิ่มเติมเส้นผม ด้วยวิธีการเช่นเดิมอีกครั้งตามที่ต้องการ
ปัญหาที่อาจเกิดได้หลังทำการปลูกผม
หลังทำ 2-3 วัน หรือประมาณ 1 อาทิตย์ ใบหน้า ตา อาจบวมฟกช้ำได้ สิ่งที่ช่วยบรรเทา คือ การประคบด้วยน้ำแข็งและนอนศีรษะสูง
อาการชาบริเวณที่ปะปลูกผม ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในเวลา 2-3 เดือน
อาการคันบริเวณหนังศีรษะที่เจาะเอาผมออก ให้รับประทานยาแก้คันช่วย
การเสียเลือดจากการผ่าตัด จะพบได้น้อย
การติดเชื้อ พบได้น้อยมาก
การปลูกผมทดแทน โดยการเจาะรูนั้น ผมที่นำมาปะปลูกมักจะติดได้เกือบ 100% เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อของตนเอง ถ้าบังเอิญหลังทำชิ้นเนื้อที่ปะเกิดหลุดให้นำไปแช่น้ำเกลือ และแช่ในน้ำแข็งอีกชั้นหนึ่ง แล้วนำส่งแพทย์ที่ทำเพื่อนำมาปลูกให้ใหม่ แต่การปลูกผมด้วยกรรมวิธีใด ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มิใช่ว่าใคร ๆ ก็จะทำได้
นิตยสาร Medical Upgrade ฉบับ 010

เกลือ ยาปลูกผมธรรมชาติ

เกลือ ยาปลูกผมธรรมชาติ
สารเคมีพื้นบ้านราคาถูกที่มีกันทุกครัวเรือนนำมาใช้ปลูกผมได้
เคล็ดลับนี้ได้มากจากคุณยายที่สถานธรรมโรงเจในนครลอสแองเจอลีส ประเทศอเมริกา เธอเล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนที่เธอเป็นมะเร็งนั้นผมของเธอร่วงไปจนเธอเป็นคนหัวล้านเลยทีเดียว ต่อมาเธอก็ใช้เกลือสระผม จนบัดนี้เธอยังผมบางอยู่ แต่ก็ไม่ใช่คนผมล้านอีกต่อไปใช้เกลือโรยใส่ฝ่ามือแล้วสระผม ทำสองสามวันแล้วเว้นวันนึง ทำสักสองสามเดือนผมก็จะขึ้นดกดำ ลองทำดูเพราะเกลือราคาถูก ไม่มีผมข้างเคียงแน่นอนปล. เกลือที่ใช้ต้องเป็นเกลือทะเลเท่านั้น เกลือจากโรงงานนั้นไม่แนะนำสารเคมีพื้นบ้านราคาถูกที่มีกันทุกครัวเรือนนำมาใช้ปลูกผมได้
เคล็ดลับนี้ได้มากจากคุณยายที่สถานธรรมโรงเจในนครลอสแองเจอลีส ประเทศอเมริกา เธอเล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนที่เธอเป็นมะเร็งนั้นผมของเธอร่วงไปจนเธอเป็นคนหัวล้านเลยทีเดียว ต่อมาเธอก็ใช้เกลือสระผม จนบัดนี้เธอยังผมบางอยู่ แต่ก็ไม่ใช่คนผมล้านอีกต่อไป
ใช้เกลือโรยใส่ฝ่ามือแล้วสระผม ทำสองสามวันแล้วเว้นวันนึง ทำสักสองสามเดือนผมก็จะขึ้นดกดำ ลองทำดูเพราะเกลือราคาถูก ไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน
ปล. เกลือที่ใช้ควรเป็นเกลือทะเล เกลือจากโรงงานนั้นไม่แนะนำ
ปล. คิด ๆ ดูผมก็ไม่ค่อยเห็นคนทะเลหัวล้านนะ ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า
สูตร 2 ฮอร์โมนเพศชายสูง น้ำกระชายปั่น ใส่น้ำผึ้ง มะนาว ดื่ม
สูตร 3 ไตซีกขวาเสื่อม ดื่มน้ำอุ่น ถ้าดื่มน้ำแล้วฉี่บ่อย ๆ แปลว่าลำไส้มีไขมันเกาะน้ำซึมไม่ได้ให้ ล้างลำไส้ ด้วยโยเกริต์ นมสด มะนาว น้ำผึ้ง
"เกลือ ยาปลูกผมธรรมชาติ" was published on August 29th, 2009 and is listed in Uncategorized.

ประโยชน์ของสารส้ม, โทษของสารส้ม

ประโยชน์ของสารส้ม มีดังนี้

- สารส้มใช้แกว่งในบ่อเก็บน้ำเพื่อให้สิ่งสกปรกตกตะกอน

- สามารถใช้ในการกำจัดกลิ่นตัวโดยเฉพาะใต้วงแขน ดับกลิ่นได้ผลดีและนานถึง 24 ชั่วโมง สารส้มไม่ปิดรูขุมขนดังนั้นจึงปลอดภัยกว่าการใช้อย่างอื่นกำจัดกลิ่นตัว

- สามารถใช้กำจัดกลิ่นเท้าได้

- ทำให้อาหารกรอบ นิยมใช้กับการดองผักเพื่อให้ผักดองมีความกรอบ

- ช่วยให้พริกขี้หนูดูสดใส เก็บไว้ได้หลายวัน โดยการนำพริกขี้หนูแช่ในน้ำสารส้มสักพัก แล้วนำมาผึ่งไว้ ก่อนทานก็ควรล้างพริกเสียก่อน

- ช่วยให้ข้าวเหนียวมีเมล็ดสวย โดยใช้สารส้มแกว่งในน้ำแช่ข้าวเหนียว แล้วแช่ไว้สักครู่ เปลี่ยนน้ำแช่ใหม่ เวลานึ่งแล้วข้าวจะมีเมล็ดสวย

โทษของสารส้ม มีดังนี้

- สารส้มมีพิษในการกินค่อนข้างน้อยมาก อาการ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ซึม แต่ต้องกินในปริมาณสูงมากจึงเกิดอาการดังกล่าว

- พิษที่เกิดจากสารส้มและพบได้บ่อย คือ การสูดฝุ่นสารส้มในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดอาการหอบหืดได้

รู้อย่างนี้แล้ว ควรเลือกใช้สารส้มให้ถูกต้องและเหมาะสมจะได้เกินโทษน้อยที่สุด…^^







ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

รู้จักกับสารส้มระงับกลิ่นกาย

รู้จักกับสารส้มระงับกลิ่นกาย


สารส้ม หรือ Alum มาจากภาษาละตินคำว่า.. "Alumen" แปลว่า..
"สารที่ทำให้หดตัว (astringent)" ซึ่งเป็นเกลือเชิงซ้อนของสารประกอบ
ที่มีธาตุอะลูมิเนียม และซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก

แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- อะลูมิเนียมซัลเฟต ลักษณะเป็นก้อนผงสีขาว
- โพแทสเซียมอะลั่ม ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
- แอมโมเนียมอะลั่ม ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
ทุกประเภทสามารถนำไปใช้ประโยชน์แบบเดียวกันได้

กลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรามีกลิ่นตัว ด้วยคุณสมบัติของสารส้ม
ที่ช่วยลดกลิ่นและแบคทีเรีย จึงสามารถนำสารส้มมาใช้กำจัดกลิ่นตัวได้ 100 %
นานถึง 24 ชั่วโมง และยังถ่วงการเกิดกลิ่นได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงอีกด้วย
โดยตัวของสารส้มไม่มีอันตรายต่อผิวหนัง เพราะไม่ได้กลับเข้าสู่ผิวหนัง
จึงไม่เกิดอาการแพ้

ในปัจจุบันนิยมนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นตัวทาที่รักแร้กันมาก
เพราะไม่ทำให้รักแร้ดำ มีหลายแบบ เช่น แบบแท่ง, แบบผงแป้ง, แบบโรลออน
และแบบสเปรย์ ซึ่งมีข้อดีแตกต่างกันไป แล้วแต่ความเหมาะสมที่ผู้ใช้จะเลือกซื้อ

สิ่งที่ควรดูก่อนตัดสินใจซื้อ
- กรณีที่ไม่ใช่ผลึกสารส้ม 100% (มีส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สี และกลิ่นด้วย)
ควรเลือกที่มีส่วนประกอบของ อะลูมิเนียมซัลเฟต โพแทสเซียมอะลัม
หรือแอมโมเนียมอะลัม ในปริมาณที่มากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพที่มั่นใจได้
- กรณีที่เป็นโรลออน สเปรย์ และผงแป้ง ควรตรวจเช็คสภาพของผลิตภัณฑ์
วันผลิต หรือวันหมดอายุทุกครั้ง

แม้ว่าสารส้มจะช่วยระงับกลิ่น แตก็ไม่ได้กำจัดเชื้อรา
ดังนั้นแม้ตัวไม่เหม็นก็ต้องอาบน้ำ ไม่อย่างนั้น
อาจมีโรคผิวหนังประเภทอื่นๆ เกิดขึ้นแทน

ที่มา : นิตยสารชีวจิต,

Thursday, February 3, 2011

อย. เข้ม สั่งฟันโฆษณาผลิตภัณฑ์เอนไซม์ เจนิฟู้ด อวดอ้างรักษาสารพัดโรค....

อย. เข้ม สั่งฟันโฆษณาผลิตภัณฑ์เอนไซม์ เจนิฟู้ด อวดอ้างรักษาสารพัดโรค....
โกหกทั้งเพเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อ


อย. เตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เอนไซม์ เจนิฟู้ด ซึ่งอ้างเป็น“เอนไซม์” หลังพบว่า
มีการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิลทีวี อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคมะเร็ง หัวใจ อัมพฤกษ์ เบาหวาน ความดัน
ฯลฯ เพราะอาจสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น เสียโอกาสในการรักษา และยังรักษาโรคไม่ได้ตามที่กล่าวอ้าง พร้อมย้ำชัด
ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยารักษาโรค อย. สั่งระงับโฆษณา และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างหนัก เพราะเงินค่าปรับ
จะทวีคูณตามจำนวนครั้งที่พบ ถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่ปกป้องมิให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อวดอ้างสรรพคุณ
เกินจริง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ปฏิบัติการเชิงรุกตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกผลิตภัณฑ์ทาง
สื่อต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ พบว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร “เอนไซม์ เจนิฟู้ด” ซึ่งขอขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นเครื่องดื่ม
พืชผักผลไม้ผสม (ตราเจนิฟู้ด) แต่โฆษณาอ้างว่าเป็น“เอนไซม์”ทางสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ได้แก่ Nation
Channel, I Channel, Thai Vision, KM Channel, Home Channel, MVTV 5, Star Channel, iNews Channel, MYTV,
Nice Channel, Variety Channel เป็นต้น มีข้อความโฆษณาอวดอ้างรักษาได้สารพัดโรค เช่น ป้องกัน ยับยั้ง ต่อต้าน ทำลาย
โรคต่าง ๆ เป็นทางเลือกที่ได้ผลสูง , รักษาแผลกดทับเนื่องจากอัมพฤกษ์, ใช้โรยแผลที่มีเนื้อมะเร็ง แผลบวม มีหนอง จะช่วยดูด
ซับสารพิษทั้งหมด ฯลฯ โดยนำบทสัมภาษณ์ผู้ป่วย อาทิ ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน เบาหวาน ความดัน มะเร็ง ไขมันอุดตัน มะเร็ง
เต้านม หัวใจตีบ ฯลฯ ที่รับประทานผลิตภัณฑ์เอนไซม์ดังกล่าวแล้วอาการป่วยดีขึ้น หรือหายจากอาการป่วย หรือนำผู้ที่มี
ชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในสังคมมาโฆษณา เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ ทั้งนี้ อย. ขอเตือนให้ผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อ
โดยเด็ดขาด เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นอาหารไม่ใช่ยา จึงไม่มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคได้ หากผู้บริโภคหลงเชื่อ
ซื้อหามารับประทาน นอกจากจะสิ้นเปลืองเงินทองโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับการรักษาโรคอย่าง
ถูกต้อง รวมถึงอาจได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอีกด้วย ซึ่ง อย. จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่าง
เคร่งครัด โดยจะปรับในฐานความผิดที่มีการโฆษณาต่างกรรมต่างวาระ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้หลาบจำ กล่าวคือ เงินค่าปรับ
จะทวีคูณตามจำนวนครั้งที่พบการโฆษณา และจะมีคำสั่งระงับการโฆษณา ซึ่งหากฝ่าฝืนคำสั่งระงับโฆษณาจะมีโทษจำคุก
ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงจะมีการเสนอคณะกรรมการอาหารในการออกคำสั่งพักใช้
ใบอนุญาตผลิตอาหาร ในกรณีที่ยังคงไม่ยุติการโฆษณา อีกทั้งจะได้ดำเนินการประสานไปยังโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ล
ทีวีให้ระงับการเสนอโฆษณาดังกล่าวด้วย

เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ อย. กำลังดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ อีกหลายรายการ
ที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองมิให้เกิดการหลอกลวงผู้บริโภคอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ประกอบการทุกรายมีจริยธรรม และเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่าโฆษณาด้วยวิธีต่าง ๆ
ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง มิเช่นนั้น อย. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้บริโภคหากพบการโฆษณา
ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่โอ้อวดเกินจริง ขอให้แจ้งร้องเรียนได้ที่ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ชั้น 1 ตึก อย. หรือสายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี 11004
กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค วันที่ 14 มกราคม 2554 ข่าวแจก 19 / ปีงบประมาณ 2554

Monday, September 27, 2010

5 สมุนไพรพื้นบ้านช่วยลดความดัน

5 สมุนไพรพื้นบ้านช่วยลดความดัน
เขียนโดย Administrator
วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2007 เวลา 02:49 น.
ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเป็นผู้หนึ่งที่ต้องเผชิญภาวะความดันโลหิตสูงอยู่ คุณรู้ไหมว่า สมุนไพรพื้นบ้านของไทยก็มีสรรพคุณลดความดันโลหิตสูงได้ดีไม่แพ้ยาของต่างชาติเช่นกัน เกร็ดสุขภาพฉบับนี้นำ 5 สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมาแนะนำให้ทราบกันค่ะ

•กระเทียม ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 2-3 ครั้งหรือจะใช้วิธีเคี้ยวกระเทียมสดๆ ก็ได้ อย่ากินตอนท้องว่าง ฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทำให้แสบกระเพาะได้
•ขึ้นฉ่าย เลือกต้นสดมาตำ คั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือใช้ต้นสด 1-2 กำมือตำให้ละเอียดต้มกับน้ำ แล้วกรองเอากากออก ใช้รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร หรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้
•กาฝากมะม่วง กาฝากเป็นไม้พุ่มปรสิตขึ้นบนกิ่งไม้ใหญ่ๆ ในตำราไทยใช้กาฝากของต้นมะม่วง นำมาตากแห้งต้มน้ำดื่มต่างน้ำชาหรือตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม ในบางท้องถิ่นแนะให้ใช้กาฝากสดนำใบและกิ่ง 1 กำมือต้มกับน้ำดื่ม
•กระเจี๊ยบแดง ใช้กลีบเลี้ยงแห้ง ต้มน้ำหรือชงน้ำร้อนกินเป็นชากระเจี๊ยบ ช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลได้ แก้นิ่ว และลดไข้
•บัวบก ในตำรายาไทยทั่วไปใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน แต่มีตำรายาพื้นบ้านที่นำมาใช้ลดความดันโลหิตสูง โดยใช้ต้นสด 1 ? 2 กำมือ ต้มกับน้ำดื่มได้
ยังมีสมุนไพรอื่นๆ ที่เราใช้ปรุงอาหารเป็นประจำและมีสรรพคุณช่วยลดความดันได้ เช่น ขิง ขี้เหล็ก ผักชี ผักชีฝรั่ง มะขาม แมงลัก เป็นต้น


ที่มา : ข้อมูลจากเวปไซต์ชีวจิต